top of page

ทำไมต้องเคลือบผิวโลหะ

         เรามาทำความรู้จักการเคลือบผิวโลหะนั้นมีประโยชน์และมีความสำคัญอย่างไรต่อการใช้งานวัสดุอย่างเหล็กที่มีความแข็งแรงอยู่แล้วทำไมถึงต้องเคลือบผิวโลหะอีกชั้น ทำไมต้องนำอุปกรณ์มาชุบเพื่ออะไร เช่น อุปกรณ์ชุบซิงค์ขาว อุปกรณ์ชุบซิงค์ดำ อุปกรณ์ชุบเหลือง เป็นต้น วันนี้เราจะมาแนะนำให้คุณได้รู้ถึงเหตุผลของการเคลือบกัน

Picture1.jpg

การเคลือบผิวโลหะ (Coating) คืออะไร

   คือ การนำสารเคมีชนิดต่าง ๆ เคลือบลงบนผิวของโลหะ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานให้สูงขึ้นมากกว่าเดิม วัสดุนั้นจะมีความสวยงามมากขึ้น สามารถป้องกันมลภาวะจากภายนอก ไม่ว่าจะเป็น ความชื้นของอากาศ ฝุ่นละออง หรือสิ่งสกปรกอื่น ๆ ที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตา รวมถึงสารเคมีต่าง ๆ ที่จะทำให้เกิดการกัดกร่อนของโลหะได้ ผู้คนส่วนใหญ่มักจะนำโลหะชนิดต่าง ๆ มาเคลือบผิว โดยเฉพาะโลหะที่เป็นที่นิยมอย่างเหล็กที่มักจะเห็นการเกิดสนิมได้ค่อนข้างรวดเร็วถ้าไม่มีการเคลือบ

 

การเคลือบผิวโลหะ (Coating) มีประโยชน์อย่างไร  

  1. เพิ่มความสวยงามให้กับโลหะ ทั้งในแง่ของความเงางาม และเฉดสีต่าง ๆ

  2. ลดการถูกกัดกร่อน การเกิดสนิม และเพิ่มความแข็งแรง ช่วยให้ชิ้นงานมีประสิทธิภาพสูงกว่าเดิม

  3. ช่วยลดรอยขีดข่วนที่อาจเกิดขึ้นเมื่อผิวโลหะถูกเสียดสีหรือถูกกระแทกจากของแข็งหรือของมีคม

  4. ช่วยลดความเสี่ยงต่อการลุกไหม้เมื่อเกิดอัคคีภัยได้ เนื่องจากโลหะที่มีการเคลือบผิวแล้ว จะเป็นฉนวนป้องกันไม่ให้เกิดการเผาไหม้และลดโอกาสในการเกิดเชื้อเพลิงได้

  5. ช่วยเพิ่มคุณสมบัติทางกลให้วัตถุ เช่น เพิ่มแรงเสียดทาน เพิ่มแรงยึดเกาะ

6 สารเคลือบผิวที่นิยมใช้

  1.การชุบ ซิงค์(Zinc Plating) คือ การใช้กระแสไฟฟ้าเหนี่ยวนำให้ซิงค์หรือสังกะสีมาเคลือบติดกับผิวของอุปกรณ์ เพื่อป้องกันการเกิดสนิมและเพิ่มความสวยงาม โดยการชุบซิงค์จะมีด้วยกัน 3 สี คือ ซิงค์ขาว (White Zinc), ซิงค์เหลืองหรือรุ้ง (Yellow Zinc), และซิงค์ดำ (Black Zinc)

002.png

ซิงค์ขาว (White Zinc)

003.png

ซิงค์เหลืองหรือรุ้ง (Yellow Zinc)

004.png

ซิงค์ดำ (Black Zinc)

  ข้อควรระวังในการใช้งานชุบซิงค์

  ไม่เหมาะใช้งานในจุดที่มีความชื้นหรือกลางแจ้ง เพราะอาจเกิดสนิมได้ง่ายและไม่ทนต่อการกัดกร่อนจากสารเคมี

 

   ตัวอย่างการใช้งานชุบซิงค์

   โดยส่วนใหญ่แล้วอุปกรณ์ ชนิดนี้มักจะนิยมใช้ในยานพาหนะต่างๆ รวมไปถึงงานยึดโครงสร้างอาคารที่อยู่ในร่ม นอกจากนี้ยัง

   สามารถใช้ยึดชิ้นส่วนในเครื่องจักรทั่วไปได้ด้วยเช่นกัน

   2.การชุบกัลวาไนซ์แบบจุ่มร้อน (Hot Dip Galvanized) หรือ การชุบแบบ HDG คือ การนำอุปกรณ์ที่ผ่านกระบวนการเตรียมผิวมาจุ่มในสังกะสีหลอมเหลว ซึ่งจะเกิดการเคลือบของชั้นสังกะสี มีลักษณะเป็นสีเทาด้าน ความหนาประมาณ 40-65 ไมครอน ซึ่งหนากว่าการชุบซิงค์ 3-5 เท่า ทำให้อุปกรณ์ที่ชุบแบบ HDG สามารถทนต่อการเกิดสนิม รวมถึงการกัดกร่อนจากกรดและด่างได้ดี

005.png

   ข้อควรระวังในการใช้งานชุบกัลวาไนซ์

   เนื่องจากชั้นเคลือบที่ค่อนข้างหนาจึงอาจส่งผลต่อการใช้งาน หากไม่ได้มีการเผื่อขนาดรูเจาะที่มากพอ และไม่ควรใช้กับระบบ

   น้ำหรือระบบประปาเพราะอาจเกิดการปนเปื้อนของสังกะสี ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาว

   ตัวอย่างการใช้งานชุบกัลวาไนซ์

   อุปกรณ์ชนิดนี้นิยมใช้งานกลางแจ้ง ตัวอย่างเช่น งานเสาไฟฟ้า งานโครงสร้างทั่วไปหรือใช้ในไลน์เคมีต่างๆ เป็นต้น

   3. การชุบชิงค์เฟล็ค (Zinc Flake Coating) หรือ การเคลือบเกล็ดสังกะสี คือ การใช้สารผสมระหว่างสังกะสีและอลูมิเนียมเป็นตัวเคลือบผิวของอุปกรณ์ ลักษณะเป็นสีเทา มีความหนาประมาณ 8-12 ไมครอน ประสิทธิภาพการป้องกันสนิมสูงกว่าการชุบแบบ HDG หลายเท่า รวมถึงยังทนต่อสารเคมีและความร้อนได้ดีกว่าอีกด้วย ที่สำคัญในกระบวนการเคลือบจะไม่มีส่วนประกอบของสารอันตราย จึงปลอดภัยต่อผู้ใช้งานและสิ่งแวดล้อม   

006.jpg

   ข้อควรระวังในการใช้งานชุบซิงค์เฟล็ค

   ไม่ควรใช้กับระบบน้ำหรือระบบประปา เพราะอาจเกิดการปนเปื้อนของสังกะสี ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาว

   ตัวอย่างการใช้งานชุบซิงค์เฟล็ค

   ใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ เรือ เครื่องบิน รวมไปถึงงานโครงสร้างต่างๆ ที่ต้องการความคงทนเป็นพิเศษ เป็นต้น

   4.การชุบดำหรือการรมดำ(Blackening / Black Oxide) คือ การใช้สารเคมีทำปฏิกิริยากับอุปกรณ์เหล็ก เพื่อให้ผิวเหล็กเกิดเป็นสนิมสีดำ(Black Oxide) ซึ่งเป็นชั้นเคลือบที่ช่วยป้องกันการกัดกร่อนของสนิมเหล็ก ทำให้ชิ้นงานดูสวยงาม ขนาดชิ้นงานหลังการรมดำไม่เปลี่ยนแปลง

007.jpg

   ข้อควรระวังในการใช้งานชุบดำหรือรมดำ

   ควรหลีกเลี่ยงการใช้งานอุปกรณ์ที่รมดำบริเวณกลางแจ้งหรือบริเวณที่มีความชื้นเพราะจะทำให้เกิดสนิมได้ง่าย

   ตัวอย่างการใช้งานชุบดำหรือรมดำ

   ใช้ในงานทั่วไปไม่ว่าจะเป็นงานประกอบโครงสร้างเหล็กหรืองานประกอบเครื่องมือและเครื่องจักรในหลายๆ อุตสาหกรรม และ

   มักมีการทาสีทับหรือใช้การทาน้ำมันเพื่อป้องกันการเกิดสนิมได้อีกด้วย

 

 

   5.การชุบโครเมียม (Chromium Plating) คือ การใช้กระแสไฟฟ้าและความร้อนทำให้สารโครเมียมเคลือบบนผิวของอุปกรณ์ เพื่อเพิ่มคุณสมบัติการป้องกันสนิม ทนทานต่อการเกิดรอยขีดข่วนและเพิ่มความสวยเงางาม โดยการชุบโครเมียมมี 2 แบบคือ แบบไตรวาเลนท์ (Trivalent Chromium : Cr3+) และ แบบเฮกซะวาเลนต์ (Hexavalent Chromium : Cr6+) ซึ่งแบบ Cr6+ จะให้ความสวยเงางามมากกว่าแต่มีความเป็นพิษต่อสุขภาพของผู้ทำงานและสิ่งแวดล้อมจึงจำเป็นต้องมีระบบจัดการและการป้องกันที่มีประสิทธิภาพมากด้วยเช่นกัน

008.jpg

   ข้อควรระวังในการใช้งานชุบโครเมียม

   ควรหลีกเลี่ยงการใช้งานที่มีการสัมผัสกับสารเคมีที่มีฤทธิ์เป็นกรดหรือด่างสูง

   ตัวอย่างการใช้งานชุบโครเมียม

   ใช้ในงานเฟอนิเจอร์ งานตกแต่งรถยนต์และจักรยานยนต์ งานประกอบเครื่องจักรที่ต้องการโชว์ความสวยงาม เป็นต้น

   6.การชุบนิเกิล (Nickel Plating) คือ การใช้สารนิเกิลเป็นตัวเคลือบบนผิวของอุปกรณ์เพื่อป้องกันการเกิดสนิม เพิ่มความแข็งให้กับผิว ช่วยในการนำไฟฟ้า และเพิ่มความสวยเงางาม มีทั้งสีเงินและสีดำ โดยการชุบนิเกิลจะมี 2 แบบคือการชุบนิเกิลแบบใช้ไฟฟ้า(Electrolytic Nickel Plating) และการชุบนิเกิลแบบไม่ใช้ไฟฟ้า(Electroless Nickel Plating หรือ EN)  การชุบแบบ EN จะมีประสิทธิภาพมากกว่าทั้งในด้านความหนาของชั้นนิเกิลที่สม่ำเสมอทั่วชิ้นงาน ด้านการทนต่อการเกิดสนิมรวมถึงการทนต่อการสึกกร่อนของผิวชิ้นงาน เป็นต้น

010.png
009.png

   ข้อควรระวังในการใช้งานชุบนิเกิล

   ควรหลีกเลี่ยงการใช้งานที่มีการสัมผัสกับสารเคมีที่มีฤทธิ์เป็นกรดหรือด่างสูง

   ตัวอย่างการใช้งานชุบนิเกิล

   ใช้เพื่อขันยึดจุดต่อสายไฟในอุปกรณ์ไฟฟ้าและขั้วแบตเตอรี่ หรือใช้ในงานที่ต้องการเน้นความสวยงามในติดตั้งเช่น งานเฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์ในห้องน้ำ และ อุปกรณ์ในครัวเรือน เป็นต้น

bottom of page